มะเร็งหลังโพรงจมูก เรื่องที่ 1

วันที่ 12 กรกฎาคม 2555 เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดวันหนึ่ง เนื่องจากลูกสาวคนที่สองและลูกชายคนเล็กรับปริญญาโท และปริญญาตรี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งคู่ จึงมีงานเลี้ยงฉลอง มีญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีจากต่างจังหวัด ขณะที่นั่งรับประทานอาหาร น้องสะใภ้ที่เป็นหมอ ได้สังเกตเห็นอาการเนื้อที่คอผม รีบลุกขึ้นมาจับดูทันที และบอกให้ผมรีบไปตรวจ ถ้าไม่มีอะไรก็เอาออกซะ

หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ปรากฎว่าผมเป็นมะเร็งโพรงจมูก และลามมาต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอแล้ว ต้องรีบทำการรักษาโดยด่วน มีคำกล่าว่า "ไม่ว่าความสุขหรือความทุกข์ อยู่กับเราไม่นาน เดี๋ยวก็ผ่านไป แต่ในใจผมลึกๆ คิดว่าคราวนี้คงนานแน่ มีคนแนะนำให้ผมไปพบอาจารย์ นายแพทย์ ศิริพรชัย ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 

ซึ่งท่านก็บอกว่าใช่แน่นอน และส่งให้ผมมาเป็นคนไข้ของ รศ.นพ.ชวลิต  เลิศบุษยานุกูล จากการที่ท่านบอกว่าคุณต้องฉายแสง 33 ครั้ง และสลับกับการให้คีโมอีก 5 ครั้ง นั่นคือคำประกาศิตที่ทำให้ผมต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอๆ ว่า ถ้าอยากจะหายต้องทำตามที่คุณหมอบอกให้ครบ

ภรรยาผมบอกว่า ยังไงกระบวนการรักษาทั้งหมดคงเสร็จก่อนที่จะมีงานแต่งลูกสาว ซึ่งจัดประมาณเดือนมกราคม 2556 แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย การฉายแสงในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าดีมาก ฉายเฉพาะจุด ฉายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็สลับด้วยการให้คีโม ผมเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย เจ็บคอ คุณหมอแนะนำให้ทานอาหารเยอะๆ โปรตีนจากไข่ และเอ็นชัวร์ ผมทานไข่ต้ม วันละ 5-6 ฟอง เฉพาะไข่ขาว ซึ่งปัจจุบันหาซื้อไข่ขาวอย่างเดียวได้ที่แม็คโคร หรือซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ราคาขวดละประมาณร้อยกว่าบาท สามารถทำเมนูอาหารได้หลากหลายทั้งไข่คน, ไข่ขาวไปนึ่งผัดผัก, ไข่ลูกเขย ฯลฯ และก่อนไปทำคีโมทุกครั้งจะต้องเจาะเลือดก่อนว่าเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวมีจำนวนมากพอหรือไม่ 

ผมโดนมาครบทุกอย่างแล้วครับ ไม่ว่าจะฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดหรือให้เลือดเพิ่ม ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราครับ อดทนผมคิดตลอดเวลาว่าจะต้องหายเพราะไม่ว่าครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ต่างให้กำลังใจเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เรามาโรงพยาบาลไปพบเจอ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเหมือนๆ กับเรา ได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน อย่างเช่นผมทานอาหารไม่ลง ภรรยาก็ได้พูดคุยกัน เค้าก็บอกว่าพี่ใช้ปั่นเลยแล้วให้ใช้หลอดดูด ซึ่งก็ไดผล โจ๊กหมู, โจ๊กไก่, ผัดผัก และน้ำปั่นผักผลไม้สูตรฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ผมทานเกือบทุกอย่าง จงทำตามคุณหมอสั่งและมาตามนัดทุกครั้ง โปรดจำไว้ว่าจะมีผู้หวังดีมากมายให้ไปรักษรแบบโน้น แบบนี้ ยาลูกกลอน ยาจีน ยาหม้อ จงปฏิเสธแบบนุ่มนวลให้หมดทุกคน หลังจากที่ผมรักษาจนจบคอร์สแล้ว ซึ่งใช้เวลาเกือบปีอาการข้างเคียงที่อยู่กับผมตลอดแต่ค่อยดีขึ้นคือ ทานเผ็ดไม่ได้เลย โดยเฉพาะพริกไทย แต่แปลกที่ผมทาน ซูชิกับวาซาบิได้ ปัจจุบันผมทานข้าวสวยกับได้ทุกชนิด ยกเว้นเผ็ด 3 ปีผ่านไปคุณหมอชวลิตบอกว่าผมหายแล้วนะดีใจด้วย ผมมีปัญหาเรื่องเข่าเสื่อม สี่เดือนที่ผ่านมาผมตัดสินใจเปลี่ยนเข่าทั้งสองข้างเลย ตอนนี้ก็เดินได้คล่อยแล้ว ไม่ต้องทนเจ็บ เดือนกรกฎาคม 2559 ผมได้ไปหาคุณหมอตามนัด นี่ก็ครบ 4 ปีแล้วท่านให้ผมช่วยเขียนบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านมา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐที่ทุกคนต้องการ แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

 
เมื่อเราเจอโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ว่าจะเล็กหรือน้อยก็น่ากลัวอย่างมะเร็ง เราต้องตั้งสติให้ได้ อย่าคิดว่าทำไมถึงต้องเป็นเรา อารมณ์มีส่วนสำคัญที่สุด ต้องทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย ไม่เครียด ผมรู้ว่ามันทำยาก แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีให้หมด ผมได้ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน อย่ายอมแพ้ ต่อโชคชะตาชีวิต เพราะเราเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดชีวิตเราเอง จงรักษาตัวเองให้มากที่สุด และอยู่เพื่อทุกคนที่รักและเป็นห่วงเรา
 
ท้ายนี้ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ นายแพทย์ชวลิต เลิศบุษยานุกูล รวมทั้งบุรุษพยาบาล และพยาบาลทุกท่าน ที่ให้การดูแลรักษาและตอบคำถาม พร้อมทั้งให้คำปรึกษาอย่างดีมาโดยตลอด